ครอบครองปรปักษ์ อ้างเจ้าของบ้านใช้สื่อกดดัน ทำลูกความเครียด

ครอบครองปรปักษ์ ทนาย 5 ผู้ต้องหาครอบครองปรปักษ์ บ้านอากู๋ อ้างปมเจ้าของบ้านตัวจริง ใช้สื่อเป็นเครื่องมือกดดัน แทนที่จะใช้การเจรจาหรือใช้ข้อกฎหมาย ทำให้ลูกความมีความเครียดจนคิดสั้น

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 ร.ต.อ.วิรัตน์ เมณฑ์กูล รอง สว.(สอบสวน) สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอเสียชีวิตภายในหมู่บ้านมัณฑนา รามอินทรา-วงแหวน ถ.กาณจนาภิเษก (คู่ขนาน) แขวงและเขตคันนายาว กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวชฯ รพ.ตำรวจ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านหรู มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้าน ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าเด็ดขาด โดยจุดเกิดเหตุอยู่ซอย 2/6 บ้านเลขที่ 9/564 ติดป้ายบ้านทองคำ มีรั้วรอบขอบชิด บ้านทำด้วยปูนสูง 2 ชั้น ภายในห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำส่วนตัวชั้น 2 บริเวณพื้นห้องน้ำพบศพ น.ส.ภาณุมาศ สามัคคี หรือนุ อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน สภาพนอนหงายในชุดนอนสีม่วง โดยคานกระจกกั้นโซนเปียก-แห้ง มีผ้าปูที่นอนถูกตัดด้วยกรรไกรเป็นเส้นยาวม้วนทำเป็นเชือกผูกกับคานและบ่วงคล้องคอ

โดยนายฉลาด พรหมจันทร์ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ชุดแรกที่เดินทางไปถึงยังจุดเกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตนอนอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ภายในห้องน้ำของห้องนอน จากการตรวจสอบสัญญาณชีพพบว่าเสียชีวิตแล้ว อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะร่างยังไม่เปลี่ยนสภาพ ร่างกายยังไม่แข็ง

จากการสอบถามนายพลกฤษณ์ ทองคำ อายุ 49 ปี เผยว่า พักอาศัยอยู่บ้านกับผู้ตาย 2 คน ทั้งเมื่อคืนและตอนเช้าพูดคุยกันตามปกติ ไม่มีวี่แววว่าจะก่อเหตุใดๆ จากนั้นตนออกไปซื้อกับข้าวกลับมา เวลาประมาณ 07.40 น. ตนขึ้นไปเรียก แต่ห้องนอนกลับล็อกประตู ตะโกนเรียกและเคาะก็ไม่มีการตอบรับ จึงปีนออกหน้าต่างชะโงกดูช่องลมห้องน้ำ เห็นภรรยาผูกคอกับคานที่กั้นโซนแห้ง-เปียก จึงปีนเข้าทางช่องลม นำตัวลงมาแล้วทำการปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้

พนักงานสอบสวน คาดว่าสาเหตุของการเสียชีวิตน่าจะมาจากการผูกคอโดยใช้ผ้าปูเตียงฉีกและตัดเป็นเส้นมัดกับราวกั้นในห้องน้ำ และภายในห้องนอนกับห้องน้ำไม่พบร่องรอยการต่อสู้ จึงนำร่างส่งชันสูตรพลิกศพ นิติเวชฯ รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป

มีรายงานว่า น.ส.ภาณุมาศ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหา ที่ถูกแจ้งความในคดี บุกรุกบ้านอากู๋ และมีเรื่องฟ้องร้องบ้านครอบครองปรปักษ์ กรณี เข้าไปครอบครองบ้านของอากู๋ จนกลายเป็นประเด็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมเป็นอย่างมาก

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามนายวัฒนา เรืองแก้ว ทนายความของ 5 ผู้ต้องหา ที่เป็นคู่กรณีข้อพิพาทกับเจ้าของบ้าน เพื่อเข้าครอบครองปรปักษ์ ระบุว่า เบื้องต้นที่ผ่านมาผู้เสียชีวิต เคยมีการบ่นกับคนรอบตัว และมาปรึกษาตนเองว่ามีความเครียดจากคดีที่เกิดขึ้น ประกอบกับมีโรคประจำตัวร้ายแรง ที่ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นโรคอะไร โดยสาเหตุของการเครียดในครั้งนี้ เนื่องจากทางเจ้าของบ้านตัวจริง มีการใช้สื่อนำเรื่องดังกล่าว และใช้สื่อกดดัน แทนที่จะใช้การเจรจาหรือใช้ข้อกฎหมาย โดยต่อจากนี้จะต้องพูดคุยกับ กับทางญาติ รวมถึงลูกความคนอื่นๆ ถึงขั้นตอนการดำเนินการทางคดีต่อ แต่ละส่วนของคดีอาญาที่เกิดขึ้นกับผู้เสียชีวิต ก็ถือว่าสิ้นสุดลงเพราะผู้เสียชีวิตเสียชีวิตไปแล้ว

ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่ สน.คันนายาว นายพลกฤษณ์และญาติผู้เสียชีวิตได้มายื่นเอกสารและให้การกับพนักงานสอบสวน โดยญาติของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ผู้เสียชีวิตนั้น คงจะมีอาการเครียดหลังจากเกิดเป็นกระแสข่าว โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน เพราะผู้ตายพักอาศัยกับสามี 2 คน จึงไม่ทราบว่ามีปัญหาอื่นมารุมเร้าหรือไม่ หรือมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ ส่วนด้านการต่อสู้คดีนั้น ตนเองไม่ได้ยุ่งเกี่ยวจึงไม่ทราบข้อมูลแต่อย่างใด ส่วนอุปนิสัยใจคอของผู้ตายนั้นจะเป็นคนชอบทำบุญ และจะเข้าวัดไปสวดมนต์ทุกวันเสาร์-อาทิตย์

น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายความฝ่ายเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องการเสียชีวิตของอดีตคู่กรณีที่เข้าไปยึดของบ้านของลูกความ ก็รีบเดินทางมายัง สน.คันนายาว เพื่อสอบถามกับพนักงานสอบสวน โดยยังไม่ได้มีการพูดคุยกับลูกความ และญาติของฝ่ายอดีตคู่กรณีแต่อย่างใด จึงขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นด้วย

ส่วนการที่ทนายความของคู่กรณีได้ออกมาให้ข้อมูลว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ทางลูกความได้ใช้สื่อมวลชนกดดัน จนทำให้เกิดผู้เสียชีวิตเกิดความเครียดจนฆ่าตัวตายนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง ไม่น่าจะเป็นการกดดันจนทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดความเครียดก็ยังได้ 

สำหรับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มจากการที่ฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงได้แจ้งความดำเนินคดีบุกรุกกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 5 คน ที่เข้าไปยึดครองบ้านหลังดังกล่าว โดยในจำนวนนั้นมีผู้ตายอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นการพิจารณาสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ ซึ่งเบื้องต้นมีกำหนดจะสั่งฟ้องในวันที่ 6 มีนาคมนี้ แต่หลังจากที่หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาเสียชีวิต ทางพนักงานอัยการก็จะสั่งไม่ฟ้องกับผู้เสียชีวิตรายนี้ จำหน่ายออกจากคดีไป ในส่วนนี้เป็นคดีในภาคแรก

ต่อมาก็เกิดเรื่องราวภาค 2 ขึ้น เมื่อหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา (ชื่อศรีพรรณ สามัคคี) ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ออกคำสั่งครอบครองปรปักษ์กับบ้านหลังดังกล่าว เมื่อทางฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงทราบเรื่อง จึงมอบอำนาจให้ทนายความไปยื่นเรื่องคัดค้านและฟ้องขับไล่ พร้อมกับเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง โดยคิดเป็นค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท ย้อนหลัง 6 ปี ซึ่งเป็นในส่วนของคดีแพ่ง ในส่วนของคดีอาญาทางเจ้าของบ้านตัวจริงได้ไปแจ้งความข้อหาบุกรุกกับคู่กรณี น.ส.ศรีพรรณ รายนี้เพียงคนเดียว ซึ่งผู้ตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีในภาค 2 แต่อย่างใด

ตนขออโหสิกรรม ตนเชื่อว่าอากู๋ก็รู้สึกอย่างตน ขอแสดงความเสียใจต่อกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ไม่คิดจะกดดัน หรืออะไรทั้งนั้น เพียงแต่ว่าทุกคนทำตามหน้าที่ของตัวเอง ตนก็ต้องรักษาสิทธิลูกความของตนที่สุดตามข้อเท็จจริง

ขอขอบคุณบทความจาก : thairath